วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558



บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 7

วันอังคารที่ 22 กันยายน 2558

Knowledge 




นำเสนองานวิจัย


นางสาววราภรณ์ แทนคำ  
เรื่อง การสร้างชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์


ชื่อผู้วิจัย : จุฑามาศ เรือนกำ 

         สร้างชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์โดยการวิเคราะห์และเลือกหน่วยการเรียนรู้จำนวน 5 หน่วย ที่ใกล้ตัวเด็กและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน คือ หน่วยสัตว์เลี้ยงแสนดี ผลไม้น่าทาน ต้นไม้เพื่อนรัก ดอกไม้แสนสวยและวิทยาศาสตร์น่ารู้  และนำมาสร้างชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กให้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การสังเกต จำแนกประเภท การวัดและการหามิติสัมพันธ์ 



นางสาวรัตนาภรณ์ คงกะพันธ์   
เรื่อง  การคิดวิจารณญาณของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์


 ชื่อผู้วิจัย : เสกสรร มาตวังแสง 


          ในการวิจัยครั้งนี้เปนการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) ซึ่งทําการศึกษากับกลุมตัวอยางที่เปนเด็กปฐมวัย โดยผูวิจัยสรางความคุนเคยกับกลุมตัวอยาง1 สัปดาหกอนการทดลอง จากนั้นนทําการทดสอบเพื่อวัดการคิดวิจารณญาณกอนการทดลอง(Pre-test) โดยใชแบบทดสอบการคิดวิจารณญาณของเด็กปฐมวัยที่ผูวิจัยสรางขึ้น กับกลุมตัวอยางและดําเนินการทดลองดวยตนเอง 
จํานวน 8 สัปดาหเมื่ออดําเนินการทดลองครบ 8 สัปดาหนําแบบทดสอบการคิดวิจารณญาณของเด็กปฐมวัยมาทดสอบอีกครั้ง และนําขอมูลทที่ไดจากการทดสอบไปทําการวิเคราะหขอมูลดวยวิธีการทำสถิต

นางสาวยุภา ธรรมโครต 
เรื่อง ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องสีจากธรรมชาติที่มีต่อทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของ
 ชื่อผู้วิจัย :ยุพาภรณ์ ชูสาย

           จะจัดกิจกรรมแบบเป็นการทดลองเปิดโอกาสให้เด็กทำกิจกรรมด้วยตนเอง เป้นการให้อิสระแก่เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งครูคอยแนะนำและช่วยเหลือให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์และแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ด้วยการทดลอง เรื่องสีจากธรรมชาติ จะสอนในเรื่อง การสังเกต การจำแนก และการหามิติสัมพันธ์


ของเล่นวิทยาศาสตร์
ชื่อ : เรือหนังยาง




อุปกรณ์




-สก็อตเทป -ไม้ตะเกียบ -หนังสติ๊ก-การ์ด-กล่องนม-กรรไกร-กะละมัง


ขั้นตอนการทำ



1.เอากล่องมาแล้วเอาไม้ตะเกียบติดเข้าไปทั้ง 2 ข้าง          


            
         2. เอาสก็อตเทปมาพันไว้ พันให้แน่



      3.เอาหนังสติ๊กใส่การ์ดแล้วเอาสก็อตเทปพันไว                  



                         
    4.ได้การ์ดดังรูป
               
                        
5. เอาการ์ดมาใส่ต่อกับตัวเรือ 


                                       

 6. เปิดน้ำใส่กะละมังให้พอประมาณ




7. นำตัวเรือมาทดลอง

วิธีการเล่น
- หมุนการ์ดให้พอตามความต้องการของเรา แล้วก็ปล่อยตัวเรือไปข้างหน้า

ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์

- พลังงานศักย์ยืดหยุ่น เป็นพลังงานที่สะสมอยู่ในสปิงหรือวัตถุยืดหยุ่นอื่นๆ ขณะที่วัตถุยืดตัวหมุน โดยตัวเรือและการ์ดจะทำปฎิกิริยากับน้ำแล้วเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

skills
- การใช้ความคิด คิดตามเพื่อให้เห็นภาพงานวิจัยที่เพื่อนพูด
- การใช้คำถามเพื่อที่เราจะได้เข้าใจในวิจัยที่เพื่อนนำเสนอ
- การนำเสนอสื่อด้วยคำพูดและวิธีการที่หลากหลายที่จะสื่อออกมาให้ฟังได้อย่างเข้าใจ

Appiy

                     - สามารถนำสิ่งประดิษฐ์ที่เพื่อนๆนำมาเสนอไปใช้ในการสอนเด็ก
                          -เกี่ยวกับทักษะกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ในอนาคตได้
                                               - สามารถนำสิ่งประดิษฐ์ที่เราทำไปประยุกต์ใช้หรือปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหน่วยต่างๆทางวิทยาศาสตร์

Teaching Techniques


- ให้นักศึกษามีความคิดที่หลากหลาย คิดนอกกรอบ

- รู้จักการนำเสนอสื่อของเล่นให้น่าสนใจเเละน่าเรียนรู้

- การใช้คำถามเพื่อโยงเข้าสู่หลกวิทยาศาสตร์


-ระดมความคิดกับเพื่อนในห้องเรียน



Assessment 
  Self   -  แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เข้าเรียนตรงต่อเวลา ร่วมทำกิจกรรมในห้องเรียน มีความรับผิดชอบ
Friends  - แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เข้าเรียนสาย ร่วมกันสังเคราะห์ - วิเคราะห์ สื่อ/ของเล่นที่เกี่ยวกับ                       วิทยาศาสตร์ที่เพื่อนๆนำมานำเสนอทุกคนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมภายในห้องเรียน

Teacher - แต่งกายสุภาพเรียบร้อยเข้าสอนตรงเวลา สอนเข้าใจง่าย นักศึกษามีส่วนร่วมในการเรียนคอยเพิ่มเติมเกร็ดความรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ระหว่างนำเสนอ


วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558



บันทึกอนุทินครั้งที่ 6

วันอังคารที่ 15 กันยายน 2558

      Knowledge

- ทดสอบก่อนเรียน เรื่องการทำงานของสมอง







-การนำเสนอบทความ

- แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์

=> นางสาวสุจิตรา มาวงษ์ เลขที่24  เรื่อง แนวทางสอนคิด เติม วิทย์ ให้เด็กอนุบาล


        แนวทางในการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กมี 5 ข้อดังนี้

               1. ตั้งคำถามที่เด็กสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง 
               2. ออกไปหาคำตอบด้วยตัวเอง 


               3. เมื่อขั้นสองสำเร็จ เด็กจะเอาสิ่งที่เขาค้นพบมาไปตอบคำถามในขั้นนี้คุณครูอาจช่วย


                    เสริมในแง่ของความครบถ้วนสมบูรณ์หรือในด้านของเหตุและผล

               4. นำเสนอสิ่งที่เขาสำรวจตรวจสอบมาแล้วให้กับเพื่อน ๆ


               5. การนำสิ่งที่เด็กค้นพบคำตอบนั้นไปเชื่อมโยงกับคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ 

=> นางสาวประภัสสร สีหบุตร เลขที่23 เรื่อง เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านนิทานของเด็กปฐมวัย 
 นิทานเป็นสื่อที่ดีในการใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ที่หาง่ายส่วนใหญ่นำเอามาเล่าให้เด็กฟังเพื่อความเพลิดเพลินแล้วก็จบไปแต่ที่ จริงแล้วนิทานเป็นสื่อที่ดี ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้ได้หลากหลาย คือ เรื่องของภาษา คำพูด เสียง ยิ่งนิทานที่มีคำซ้ำ ๆ เด็กจะฟังและเลียนแบบคำได้เทคนิคการเลือกนิทานให้เด็ก ควรเลือกให้เหมาะกับวัย เช่น เด็กเล็ก เริ่มจากเรื่องราวสิ่งใกล้ตัวที่เขาชอบ เช่น สัตว์ธรรมชาติ ภาพน่ารัก ๆ เลือกสีสัน และเนื้อหาที่ไม่ยาวเกินไปเด็ก ๆ 





หลักการ/ แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก






ความสำคัญของวิทยาศาสตร์

-ตอบสนองความต้องการตามวัยของเด็ก


-พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

-เสริมสร้างประสบการณ์



         ประโยชน์ของการเรียนวิทยาศาสตร์



-พัฒนาความคิดรวบยอด


-พัฒนาทีกษะการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์


-สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง





Skills

      1.ฝึกระดมความคิดการตอบคำถามและการเสนอความคิดเกี่ยวกับการทำงานของสมอง


      2.การคิดวิเคราะห์  การสังเคราะห์



      3.การนำเสนอบทความต่างๆ



Teaching Methods

-อาจารย์มีการใช้คำถามกระตุ้นให้นักศึกษาคิดเปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นและอธิบายเพิ่มเติมจากการประดิษฐ์กระดาษของนักศึกษาและการทำMy mapping


Assessment

classroom - อากาศถ่ายเทสะดวก บรรยากาศในห้องเรียนเย็นสบาย จำนวนโต๊ะเก้าอี้เพียงพอต่อนักศึกษา เทคโนโลยียังไม่พร้อมต่อการใช้งาน เพราะไม่สามารถใช้Internet ได้ เนื่องจากเป็นวันแรกในการเข้าใช้ห้องเรียน
Self -  การตอบคำถาม การระดมความคิด และมีการจดบันทึกสรุปเนื้อหาที่อาจารย์ได้สอน
Friend - เข้าเรียนตรงเวลา มีการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นและช่วยกันตอบ                     คำถาม
Professor - อาจารย์มีความเป็นกันเอง บริหารเวลาในการสอนได้เหมาะสม มีการใช้คำถามที่หลากหลายในการถามนักศึกษา อาจารย์เพิ่มเติ่มจากคำตอบที่นักศึกษาได้ตอบไป





***หมายเหตุ ศึกษาจาก นางสาวชนาภา คะปัญญา ***

บันทึกอนุทินครั้งที่ 5



วันอังคารที่ 8 กันยายน 2558

หลักในการเลือกเรื่อง

   -หัวข้อที่จะเลือกจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ให้สอดคล้องกับพัฒนาการเด็กนั้น  มีหลักในการเลือกใช้ดังนี้

1.เลือกสิ่งที่ใกล้ตัวเด็ก
2.เลือกสิ่งที่เด็กสนใจ
3.เลือกสิ่งที่มีผลกระทบต่อตัวเด็ก
-เรื่องที่ใกล้ตัวเด็ก คือ สถานการณ์หรือสิ่งของที่เด็กพบ หรือสัมผัสเป็นประจำหรือการดำรงชีวิตประจำวัน
-เรื่องที่เด็กสนใจ คือ ความต้องการในสิ่งที่อยากรู้ อยากเห็น และอยากทดลองเพื่อหาคำตอบ
-เรื่องที่มีผลกระทบต่อเด็ก คือ สิ่งที่ส่งเสริมพัฒนาการทั้ง4 ด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา



เรือกระดาษ




ชื่อ เรือกระดาษ
พับกระดาษเป็นรูปคล้ายเรือ 

วิธีการเล่น
ให้เด็กๆ นำเรือกระดาษไปทดลองเล่นดู

แนวคิด
การที่วัตถุจะเครื่องที่ไปข้างหน้าได้จะต้องให้เเรงขับ โดยแรงที่ได้ คือ แรงลม แรงดันน้ำ เป็นตัน

เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์  
1.การลอยตัวในน้ำ
2.การทรงตัว
3.ทิศทางของน้ำ

Skill
- การวิเคราะห์ 
- การออกแบบการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยตนเองจากกระดาษเปล่า 


Apply
-นำไปใช้ในเวลาจะออกแบบการสอนและการเขียนแผนและนำไปพัฒนาด้านสติปัญญาทางวิทยาศาสตร์ของเด็กให้ดียิ่งขึ้น

Teaching  Techniques
-การให้ออกแบบการสิ่งประดิษฐ์จากกระดาษหนึ่งแผ่นที่จะสามารถส่งเสริมประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กปฐมวัยด้วยตนเอง
-การอธิบาย ยกตัวอย่าง
Evaluation

Teacher  -เข้าสอนตรงเวลา อธิบายเกี่ยวกับกิจกรรมที่มอบหมายให้ทำได้อย่างละเอียดครบถ้วน
                   แต่
Friends - การแต่งกายกายเรียบร้อย ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย
Self - เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบนร้อย มีการจดบันทึกในการเรียน



บันทึกอนุทินครั้งที่ 4

วันอังคารที่ 1 กันยายน 2558

  *ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากไปเข้าร่วมกิจกรรม  ศึกษาศาสตร์วิชาการ*


Knowledge 


การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ต้องก้าวข้าม "สาระวิชา" ไปสู่การเรียนรู้

       "ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 " ครูจะเป็นผู้สอนไม่ได้แต่ต้องให้นักเรียนเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยครูจะออกแบบการเรียนรู้ ฝึกฝนให้ตนเองเป็นโค้ช (Coach) และอำนวยความสะดวก (Facilitator) ในการเรียนรู้แบบ PBL  (Problem -Based Learning) ของนักเรียน ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวช่วยของครูในการจัดการเรียนรู้ คือ ชุมชน การรียนรู้ครูเพื่อศิษย์(Professional Learning Communities: PLC)  เกิดจากการรวมตัวกันของครูเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำหน้าที่ของครูแต่ละคนนั่นเอง





   กระบวนการที่จำเป็นในศตวรรษที่21



การศึกษาในศตวรรษที่21






Skill

-ได้เรียนรู้ถึงทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
ได้เรียนรู้ถึงกระบวนการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
ได้เรียนรู้ถึงการจัดการศึกษาเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
-มีการพูดอย่างสร้างสรรค์
-มีการสรุปองค์ความรู้ให้จดจำ และเข้าใจได้ง่าย



Apply
-สามารถนำความรู้ที่ได้เรียนรู้ในศตววษที่ 21 มาประยุกต์และปรับใช้ในการออกแบบในการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยได้


Teaching Methods.

     - วิทยากรมีการใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาคิด  มีการใช้โปรแกรมต่างๆที่น่าสนใจทำให้นักศึกษาสนใจและตั้งใจในการฟังมากขึ้น



    Assessment.


     classroom  - ลานอเนกประสงค์ อาคาร  28 การฟังการบรรยายในหัวข้อ  การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

    Self - ตั้งใจฟังท่านวิทยากรบรรยายและมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม

     Friend  - เข้าร่วมกิจกรรม ตั้งใจฟังการบรรยายและช่วยกันตอบคำถาม

     Professor  - อาจารย์มีการแนะนำกิจกรรมต่างๆในสาขา


    วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558



    สรุป เรื่องแม่เหล็ก
    ( คู่กับ Kanyarat Sankot )

    แม่เหล็ก

                 จากการที่ได้ศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับแม่เหล็ก  ที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ผู้สอนในรายวิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยทำให้ทราบเกี่ยวกับแม่เหล็กดึงดูดเหล็ก  เหล็กกล้า  และความสนใจของเด็กเล็กๆ  แม้ว่าแรงดึงดูดของแม่เหล็กเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น  สัมผัสไม่ได้  แต่เราเห็นผลที่เกิดจากแรงดึงดูดนั้นได้  และยังได้กิจกรรมน่าสนใจที่จะสามารถนำไปประยุกต์การเรียนการสอนให้กับเด็กปฐมวัย  กิจกรรมที่ได้ศึกษาในเนื้อหาแม่เหล็กก็มีกิจกรรม 6 กิจกรรม  อาทิ
                     1.แม่เหล็กดึงดูดของเป็นบางอย่าง 
                     2.แม่เหล็กแต่ละชิ้นมีแรงดึงดูดต่างกัน 
                     3.แม่เหล็กส่งแรงดึงดุผ่านวัตถุบางอย่างได้ 
                     4.แม่เหล็กชิ้นหนึ่งสามารถสร้างแม่เหล็กชิ้นใหม่ได้
                    5. แม่เหล็กมีแรงดึงดูดมากที่สุดอยู่ที่ขั้วทั้งสอง 
                    6.แต่ละขั้วของแม่เหล็กจะมีปฏิกิริยาที่ต่างกัน
      
                  ทั้ง 6 กิจกรรมที่กล่าวมาข้างต้น  เป็นการทดลองเชิงทางวิทยาศาสตร์ที่ผสมผสานการเรียนรู้  เป็นสิ่งที่จะสามารถกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็ก  เพราะเด็กจะเกิดข้อสงสัยว่าทำไม? แม่เหล็กจึงดึงดูด  แล้วทำไมแม่เหล็กถึงเคลื่อนที่ได้ทั้งๆที่มีสิ่งของวางกันอยู่  กิจกรรม  ทั้ง 6 กิจกรรมจะสามารถให้เด็กได้เรียนรู้ ได้ทดลอง  และได้ลงมือปฏิบัติจริงเพื่อให้ได้คำตอบและไขข้อสงสัย  และในการทดลองเรื่องแม่เหล็กทุกครั้ง  ครูจะต้องระวังอย่าให้เด็กทดลองใกล้สิ่งที่ใช้พลังงานแม่เหล็ก  เช่น  เครื่องคอมพิวเตอร์  แผ่นดิสก์  และชิ้นส่วนอื่นๆของคอมพิวเตอร์  เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้ 

                   การที่ใช้แม่เหล็กมาเป็นสื่อการเรียนการสอนสามารถเป็นกิจกรรมบูรณาการทางคณิตศาสตร์  ดนตรี กิจกรรมการเล่านิทานด้วยแม่เหล็ก (กิจกรรมนี้จะเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเด็กๆอย่างมาก  เพราะการเล่านิทานจะมีการเคลื่อนที่ด้วยแม่เหล็ก)  กิจกรรมศิลปะ  กิจกรรมการเล่น  และสุดท้ายกิจกรรมความคิดสร้างสรรค์